ข่าวจักรพรรดิญี่ปุ่นพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำสหรัฐ - kachon.com

จักรพรรดิญี่ปุ่นพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำสหรัฐ
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ว่าสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแก่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ นางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง พร้อมคณะผู้ติดตามระดับสูงจากกรุงวอชิงตัน ที่พระราชวังอิมพีเรียล ในกรุงโตเกียว เมื่อวันจันทร์ โดยสมเด็จพระจักรพรรดิตรัสในตอนหนึ่ง ชื่นชมและยกย่องทุกภาคส่วนซึ่งร่วมกันทุ่มเทและเสียสละเพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นให้ยั่งยืนและราบรื่นตลอดมา พร้อมทั้งทรงแสดงความหวังว่า มิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศจะดำเนินไปด้วยดีเช่นนี้ตลอดไป


 

 
ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่าเขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงสุดในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาลจากต่างประเทศคนแรก ซึ่งได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีพระองค์ใหม่ของญี่ปุ่น ภายใต้รัชสมัย "เรวะ" ที่มีความหมายเป็นมงคลยิ่ง พร้อมทั้งยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นมีแต่จะพัฒนาไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น

 
ทั้งนี้ ก่อนการเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี ทรัมป์พบหารือกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นในหลายประเด็น โดยผู้นำญี่ปุ่นย้ำว่ารัฐบาลโตเกียว "มีความตั้งใจ" สั่งซื้อเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 จากสหรัฐมากถึง 105 ลำ ซึ่งหากมีการลงนามอย่างเป็นทางการ ญี่ปุ่นจะถือเป็นประเทศพันธมิตรของสหรัฐที่มีเครื่องบินเอฟ-35 อยู่ในฝูงบินมากที่สุด
 



ด้านทรัมป์กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าญี่ปุ่นยังคงได้เปรียบทางการค้าต่อสหรัฐอยู่มากและเป็นแบบนี้มานานแล้วด้วย และกล่าวว่าผลการหารือที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้อาจนำไปสู่การประกาศ "ข้อตกลงบางอย่าง" ในช่วงเดือนส.ค. นี้ ที่ผู้นำสหรัฐยืนยันว่าจะเป็นข้อตกลงที่ "เสมอภาค" กับทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวถึงประเด็นเกาหลีเหนือซึ่งกลับมายิงขีปนาวุธอีกครั้ง ว่าเขายังเชื่อว่า "ไม่ใช่เรื่องใหญ่" ส่วนสถานการณ์ในตะวันออกกลางนั้น สหรัฐ "ไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง" ของอิหร่าน และยืนยันว่าพร้อมเจรจา แต่เรียกเสียงวิจารณ์จากนายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน ว่าผู้นำสหรัฐ "ควรทำมากกว่าพูด" เพราะยังมีหลายเรื่องที่ย้อนแย้งกันเอง.

เครดิตภาพ : REUTERS,AP