จักรพรรดิญี่ปุ่นพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำสหรัฐ
ต่างประเทศ



ขณะที่ทรัมป์กล่าวว่าเขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงสุดในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาลจากต่างประเทศคนแรก ซึ่งได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีพระองค์ใหม่ของญี่ปุ่น ภายใต้รัชสมัย "เรวะ" ที่มีความหมายเป็นมงคลยิ่ง พร้อมทั้งยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นมีแต่จะพัฒนาไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ก่อนการเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินี ทรัมป์พบหารือกับนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นในหลายประเด็น โดยผู้นำญี่ปุ่นย้ำว่ารัฐบาลโตเกียว "มีความตั้งใจ" สั่งซื้อเครื่องบินขับไล่เอฟ-35 จากสหรัฐมากถึง 105 ลำ ซึ่งหากมีการลงนามอย่างเป็นทางการ ญี่ปุ่นจะถือเป็นประเทศพันธมิตรของสหรัฐที่มีเครื่องบินเอฟ-35 อยู่ในฝูงบินมากที่สุด

ด้านทรัมป์กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่าญี่ปุ่นยังคงได้เปรียบทางการค้าต่อสหรัฐอยู่มากและเป็นแบบนี้มานานแล้วด้วย และกล่าวว่าผลการหารือที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้อาจนำไปสู่การประกาศ "ข้อตกลงบางอย่าง" ในช่วงเดือนส.ค. นี้ ที่ผู้นำสหรัฐยืนยันว่าจะเป็นข้อตกลงที่ "เสมอภาค" กับทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวถึงประเด็นเกาหลีเหนือซึ่งกลับมายิงขีปนาวุธอีกครั้ง ว่าเขายังเชื่อว่า "ไม่ใช่เรื่องใหญ่" ส่วนสถานการณ์ในตะวันออกกลางนั้น สหรัฐ "ไม่เคยคิดเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง" ของอิหร่าน และยืนยันว่าพร้อมเจรจา แต่เรียกเสียงวิจารณ์จากนายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน ว่าผู้นำสหรัฐ "ควรทำมากกว่าพูด" เพราะยังมีหลายเรื่องที่ย้อนแย้งกันเอง.
เครดิตภาพ : REUTERS,AP