สภาออสเตรียลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
ต่างประเทศ
มติดังกล่าวสร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งให้คัวร์ซ ซึ่งนอกเหนือจากการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีออสเตรีย หลังนำพรรคโอวีพีชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนต.ค. 2560 ด้วยวัยเพียง 31 ปีแล้ว คัวร์ซยังถือเป็นผู้นำออสเตรียคนแรกนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยญัตติไม่ไว้วางใจของสภาผู้แทนราษฎร ด้านประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ฟาน แดร์ เบลเลน ซึ่งมีอำนาจในการยุบสภา แต่งตั้งนายฮาร์ตวิก โลเกอร์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงการคลัง ให้ปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี จนถึงการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดครั้งใหม่ "ในช่วงต้นเดือนก.ย. นี้"
ขณะที่คัวร์ซกล่าวต่อที่ประชุมก่อนเดินออกจากสภาด้วยใบหน้าที่ยังมีรอยยิ้ม ว่าการกระทำใดก็ตามที่มุ่งทำลายเสถียรภาพของฝ่ายบริหารจะไม่มีทางหยุดยั้งความพยายามของเขาในการสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นให้กับออสเตรียได้ และทิ้งท้ายว่าเขาจะกลับมายืนที่ตรงนี้อีกครั้ง ท่ามกลางเสียงประบมือของสมาชิกพรรคโอวีพี ส่งสัญญาณแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถนำพรรคได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอีกครั้ง เนื่องจากพรรคโอวีพีได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากที่สุด ในการเลือกตั้งสภายุโรป เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ การพ้นจากตำแหน่งแบบ "เหนือความคาดหมาย" ของคัวร์ซ ซึ่งสื่อทั้งในประเทศและยุโรปขนานนามให้เป็น "เด็กมหัศจรรย์" เป็นผลจาก "กรณีอื้อฉาวอิบิซา" ของนายไฮนซ์ คริสเตียน-ชตราเคอ แดีตรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคเอฟพีโอ โดยเหตุการณ์ในคลิปเกิดก่อนการเลือกตั้งเมื่อ 2 ปีที่แล้วไม่นานนัก โดยชตราเคอสนทนากับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่าเป็นทายาทของมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย กล่าวว่าเธอจะซื้อหุ้นครึ่งหนึ่งของหนังสือพิมพ์ โครเนน หนึ่งในสื่อใหญ่ของออสเตรีย เพื่อให้เสนอข่าวสนับสนุนพรรคเอฟพีโอมากขึ้น ส่วนชตราเคอกล่าวว่าหากความพยายามนั้นสัมฤทธิ์ผล และช่วยให้พรรรคเอฟพีโอได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้จริง หญิงสาวผู้นี้จะได้รับ "รางวัลตอบแทน" ผ่านการจัดตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งคลิปที่ออกมาก่อให้เกิดรอยร้าวอย่างหนัก ระหว่างพรคเอฟพีโอกับพรรคโอวีพี.
เครดิตภาพ : REUTERS