พรรคฝ่ายขวา-ประชานิยมผงาดเลือกตั้งสภายุโรป
ต่างประเทศ
Webmaster
2019-05-27 07:45:00
20
Webmaster
2019-05-27 07:45:00
20
-
สนับสนุนเนื่อหา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ว่าผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป 751 ที่นั่ง ซึ่งมีขึ้นทุก 5 ปี ในทั้ง 28 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ( อียู ) ระหว่างวันที่ 23 ถึง 26 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยรายงานเบื้องต้นระบุว่าจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์อยู่ที่ประมาณ 51% สูงที่สุดในรอบ 20 ปี หมายความว่าจำนวนพลเมืองผู้มีสิทธิ์ออกเสียงในประเทศสมาชิกอียูมากกว่า 200 ล้านคน จากทั้งหมดประมาณ 512 ล้านคน ลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปในสัดส่วนโควตาตามประเทศของตัวเอง ที่ในภารพรวมเป็นการแข่งขันระหว่างกลุ่มพรรคฝ่ายสนับสนุนอียู กับกลุ่มพรรคฝ่ายประชานิยมและขวาจัด
แม้ผลการวิเคราะห์ของสื่อใหญ่ทุกแห่งในภูมิภาคเป็นไปในทางเดียวกัน นั่นคือกลุ่มพรรคการเมืองสายหลักในแต่ละประเทศที่มีนโยบายสนับสนุนอียูจะยังคงผนึกกำลังครองเสียงข้างมากในสภาคืออย่างน้อย 376 ที่นั่งเอาไว้ได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม หากจำแนกออกเป็นรายประเทศโดยเฉพาะประเทศขนาดใหญ่พบว่ากระแสความนิยมในพรรคชาตินิยมฝ่ายขวาและพรรคประชานิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในสหราชอาณาจักรซึ่งการเมืองภายในตึงเครียดอย่างหนักจากเรื่องเบร็กซิต ชิงชัยกัน 73 ที่นั่งนั้น พรรคเบร็กซิตของนายไนเจล ฟาราจ มีคะแนนนำในแทบทุกเขต ทิ้งห่างพรรคการเมืองกระแสหลักทั้งพรรคอนุรักษนิยมที่เป็นพรรครัฐบาลชุดปัจจุบัน พรรคแรงงานซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน หรือแม้แต่พรรคเสรีนิยม ยิ่งไปกว่านั้นพรรคอนุรักษนิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ไม่ได้รับการเลือกตั้งแม้แต่ที่นั่งเดียวในเขตเลือกตั้งกรุงลอนดอน
ขณะที่สถานการณ์ในฝรั่งเศสที่เหมือนเป็นสมรภูมิ "ตัวต่อตัว" อย่าวไม่เป็นทางการระหว่างประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง จากพรรคสายกลาง กับนางมารีน เลอ แปน จากพรรคชาตินิยมขวาจัด ปรากฏว่าเอ็กซิโพลให้พรรคของเลอ แปน ได้รับการเลือกตั้ง 24.0 ถึง 24.2% และ 22.5% ถึง 23.0% สำหรับมาครง ด้านสถานการณ์ในเยอรมนีนั้น แม้พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนี ( ซีดียู ) ยังได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดประมาณ 28% แต่พรรคกรีนสามารถแซงพรรครรคสังคมประชาธิปไตย ( เอสพีดี ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสำคัญของพรรคซีดียูมาตั้งแต่ปี 2556 ขึ้นมาเป็นที่ 2 ได้ และพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี ( เอเอฟดี ) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด ส่งผู้สมัครครั้งแรกและได้รับเสียงสนับสนุนมากถึง 10%
นายมันเฟรด เวเบอร์ หัวหน้าพรรคประชาชนยุโรป ( อีพีพี ) ของเยอรมนี ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มพรรคสายกลางและสายอนุรักษนิยมในยุโรป และเป็นหนึ่งในตัวเก็งของการเลือกตั้งประธาคณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) คนต่อไป แทนนายฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ยอมรับว่าแม้อีพีพีรวมกับพรรคสายกลางอื่นจะยังคงครองเสียงข้างมากไว้ได้ แต่กระแสประชานิยม ขวาจัดและชาตินิยมมาแรงมาก ที่ผลในอิตาลีและฮังการียังปรากฏว่าพรรคฝ่ายขวามีคะแนนนำด้วย.
เครดิตภาพ : REUTERS,AP
แม้ผลการวิเคราะห์ของสื่อใหญ่ทุกแห่งในภูมิภาคเป็นไปในทางเดียวกัน นั่นคือกลุ่มพรรคการเมืองสายหลักในแต่ละประเทศที่มีนโยบายสนับสนุนอียูจะยังคงผนึกกำลังครองเสียงข้างมากในสภาคืออย่างน้อย 376 ที่นั่งเอาไว้ได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม หากจำแนกออกเป็นรายประเทศโดยเฉพาะประเทศขนาดใหญ่พบว่ากระแสความนิยมในพรรคชาตินิยมฝ่ายขวาและพรรคประชานิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในสหราชอาณาจักรซึ่งการเมืองภายในตึงเครียดอย่างหนักจากเรื่องเบร็กซิต ชิงชัยกัน 73 ที่นั่งนั้น พรรคเบร็กซิตของนายไนเจล ฟาราจ มีคะแนนนำในแทบทุกเขต ทิ้งห่างพรรคการเมืองกระแสหลักทั้งพรรคอนุรักษนิยมที่เป็นพรรครัฐบาลชุดปัจจุบัน พรรคแรงงานซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน หรือแม้แต่พรรคเสรีนิยม ยิ่งไปกว่านั้นพรรคอนุรักษนิยมของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ไม่ได้รับการเลือกตั้งแม้แต่ที่นั่งเดียวในเขตเลือกตั้งกรุงลอนดอน
ขณะที่สถานการณ์ในฝรั่งเศสที่เหมือนเป็นสมรภูมิ "ตัวต่อตัว" อย่าวไม่เป็นทางการระหว่างประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง จากพรรคสายกลาง กับนางมารีน เลอ แปน จากพรรคชาตินิยมขวาจัด ปรากฏว่าเอ็กซิโพลให้พรรคของเลอ แปน ได้รับการเลือกตั้ง 24.0 ถึง 24.2% และ 22.5% ถึง 23.0% สำหรับมาครง ด้านสถานการณ์ในเยอรมนีนั้น แม้พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนแห่งเยอรมนี ( ซีดียู ) ยังได้รับการเลือกตั้งมากที่สุดประมาณ 28% แต่พรรคกรีนสามารถแซงพรรครรคสังคมประชาธิปไตย ( เอสพีดี ) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสำคัญของพรรคซีดียูมาตั้งแต่ปี 2556 ขึ้นมาเป็นที่ 2 ได้ และพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี ( เอเอฟดี ) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด ส่งผู้สมัครครั้งแรกและได้รับเสียงสนับสนุนมากถึง 10%นายมันเฟรด เวเบอร์ หัวหน้าพรรคประชาชนยุโรป ( อีพีพี ) ของเยอรมนี ซึ่งเป็นตัวแทนของกลุ่มพรรคสายกลางและสายอนุรักษนิยมในยุโรป และเป็นหนึ่งในตัวเก็งของการเลือกตั้งประธาคณะกรรมาธิการยุโรป ( อีซี ) คนต่อไป แทนนายฌอง-โคลด ยุงเกอร์ ยอมรับว่าแม้อีพีพีรวมกับพรรคสายกลางอื่นจะยังคงครองเสียงข้างมากไว้ได้ แต่กระแสประชานิยม ขวาจัดและชาตินิยมมาแรงมาก ที่ผลในอิตาลีและฮังการียังปรากฏว่าพรรคฝ่ายขวามีคะแนนนำด้วย.
เครดิตภาพ : REUTERS,AP
