ข่าว ยุทธการกัวต๋อ '5จี' เดิมพันศักดิ์ศรีเจ้าไอทีโลก - kachon.com

ยุทธการกัวต๋อ '5จี' เดิมพันศักดิ์ศรีเจ้าไอทีโลก
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
ณ จักรวาลคู่ขนานแห่งหนึ่งซึ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับโลกมนุษย์ในเวลานี้อยู่มาก คือมีก๊กใหญ่ทรงอิทธิพลที่สุดอยู่ 2 ก๊ก คือก๊กของ “โจโฉ” ซึ่งมีเขตอิทธิพลหลักอยู่ในซีกโลกตะวันออก และก๊กของ “อ้วนเสี้ยว” ซึ่งมีเขตอิทธิพลหลักอยู่ในซีกโลกตะวันตก ท่ามกลางพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีหลายก๊กหลายฝ่ายกำลังต่อสู้ขับเคี่ยวกันอย่างหนักเพื่อแย่งชิงความเป็นเจ้าแห่งยุทธจักรเครือข่ายระบบไร้สาย “5จี” ทั้งสองก๊กที่ใหญ่ที่สุดต่างรวบรวมสรรพกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อแย่งชิงการเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในยุทธจักร
 
หากคำนวณจากทุกองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องถือว่าอ้วนเสี้ยวนั้นเหนือกว่าโจโฉในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นฐานะทางเศรษฐกิจที่ร่ำรวยมหาศาลสามารถทุ่มทุนเพื่อทุกสิ่งได้อย่างไม่อั้น ศักยภาพและประสิทธิภาพของกำลังพลที่มีความรู้ความสามารถแม้ในเรื่องเดียวกัน ที่มีจำนวนมากกว่าโจโฉ อีกทั้งยังมีคณะกุนซือผู้ชำนาญการในแต่ละด้านที่พร้อมให้คำปรึกษาและสนองตอบต่อคำสั่งอย่างทันท่วงที แม้อาจมีบางกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของผู้เป็นนายบ้างก็ตาม
 
โดยพื้นฐานนั้นอ้วนเสี้ยวไม่ใช่คนเขลาเบาปัญญา มีพื้นฐานที่ดีทั้งในด้านการศึกษาและฐานะ เพราะมิเช่นนั้นคงไม่สามารถเป็นแม่ทัพนำกำลังยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ แต่อ้วนเสี้ยวกลับเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง ชอบโอ้อวด หูเบา โลเล เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง และน่าเสียดายที่แม้ห้อมล้อมไปด้วยคณะกุนซือมีคุณภาพมากมาย แต่มีหลายครั้งที่อ้วนเสี้ยวออกคำสั่งหรือมอบหมายงานไม่ตรงกับความสามารถหรือตำแหน่งของบุคคลนั้น จนหลายคนถอดใจหมดศรัทธาลาออกเองไปก็มาก และที่ถูกอ้วนเสี้ยวเนรเทศพ้นอาณาจักรไปก็มีไม่น้อย เมื่อเป็นเช่นนี้อ้วนเสี้ยวจะสำเร็จการใหญ่ได้อย่างไร แผนการจึงมีแต่จะสะดุด ด้านคนในหลายคนที่ยังคงอยู่ก็เพราะจำใจ แต่การประเมินสถานการณ์จากคนนอกเชื่อว่าเริ่มมีการตีตนออกห่าง หรือต่อให้มีการเอาอกเอาใจก็เพื่อแลกกับลาภยศและผลประโยชน์บางอย่างเท่านั้น

ในขณะที่อ้วนเสี้ยวและทีมงานซุ่มพัฒนาเทคโนโลยีของ5จี ซึ่งใช้เวลานานหลายปี พร้อมทั้งส่งคนให้ไป “สังเกตการณ์” คู่แข่งที่เชื่อว่าน่าจะกำลังพัฒนาระบบ 5จีในทั่วทุกหนแห่ง จนกระทั้งในที่สุดหน่วยสืบราชการลับของอ้วนเสี้ยวพบว่า สถานการณ์ที่ก๊กของโจโฉนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะการพัฒนาระบบ5จีของก๊กโจโฉในหลายด้านสามารถแซงหน้าเทคโนโลยีของอ้วนเสี้ยวไปได้ไกลกว่าหลายขั้น โดยโจโฉตั้งกองพลหนึ่งชื่อว่า “หัวเว่ย” ที่ตำบลกัวต๋อ ที่ในระยะหลังเน้นพัฒนาระบบ 5จี โดยเฉพาะ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความกระวนกระวายใจให้แก่อ้วนเสี้ยวเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้ว เหล่ากุนซือของโจโฉยังมีทักษะชั้นสูงในด้านการเจรจาค้าขาย ที่อ้วนเสี้ยวยังต้องยอมรับและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมานานหลายปี
 
แม้ยังนับถือกันเป็นสหาย เคยดื่มน้ำชาและไวน์ร่วมกันตามธรรมเนียม แต่เรื่องนี้ถือเป็นการใหญ่และวาระเร่งด่วนที่อ้วนเสี้ยวจะอยู่เฉยไม่ได้ อ้วนเสี้ยวส่งคณะกุนซือที่คัดเองด้วยความมั่นใจว่าดีที่สุด ทั้งยังหนุ่มแน่นและมีการศึกษาที่เหนือกว่า เจรจากับกุนซือของโจโฉที่ดูจากภายนอกเป็นเพียงชายชราร่างผอมบางผมสีดอกเลา มีแววตาใจดี แม้การพบหารือเกิดขึ้นทั้งที่ก๊กของทั้งสองฝ่ายเพื่อความเสมอภาค แต่ไฉนเลยเมื่อเอ่ยวาจาใดออกไปกลับทำให้คณะกุนซือฝ่ายอ้วนเสี้ยวต้องมีเรื่องกลับไปขบคิดต่อทุกครั้ง ขณะที่อ้วนเสี้ยวเองเคยพบกับกุนซือผู้นี้ของโจโฉแล้วกลับไม่สามารถต่อกรได้อย่างเปิดเผย

อยู่มาวันหนึ่ง อ้วนเสี้ยวประเมินสถานการณ์แล้วว่า ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการพัฒนาเทคโนโลยีของโจโฉและทีมงานในเรื่องนี้ได้อีกต่อไป เมื่อการเจรจาที่เกิดขึ้นหลายครั้งหลายคราไม่เคยมีความคืบหน้า กอปรกับคณะกุนซือของอ้วนเสี้ยวไม่มีใครสามารถทัดทานผู้เป็นนายเอาไว้ได้ อ้วนเสี้ยวประกาศยุทธการยับยั้งการพัฒนาระบบ5จี และเส้นทางการค้าขายของโจโฉ อ้วนเสี้ยวยกทัพใหญ่มาถึงตำบลกัวต๋อ เพื่อหวังทำลายกองพลหัวเว่ย กองทัพของอ้วนเสี้ยวซึ่งมีมากกว่าหลายเท่าตัวตัดขาดเส้นทางสาธารณูปโภคทุกอย่างเพื่อให้กองพลหัวเว่ยยอมศิโรราบ แต่กองพลหัวเว่ยซึ่งตอนนี้เป็นทัพหน้าของโจโฉโดยปริยายสามารถรับมือได้ ทั้งยังไม่แสดงความหวั่นเกรงต่อความยิ่งใหญ่ของอ้วนเสี้ยวแม้แต่น้อย และผู้บัญชาการกองพลหัวเว่ยได้ประกาศตรงไปตรงมาว่า อ้วนเสี้ยวกำลังประเมินตัวเขาและขุมกำลัง “ต่ำเกินไป”

การรุกหนักของอ้วนเสี้ยวตั้งแต่ต้นส่งผลให้โจโฉต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับมาตลอด แต่ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไร โจโฉยังสามารถรับมือแผนการของอ้วนเสี้ยวเอาไว้ได้ และตอบโต้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ ความฮึกเหิมและความคะนองของอ้วนเสี้ยวเริ่มคลายลง ด้านราษฎรในก๊กของอ้วนเสี้ยวรวมตัวกันร้องเรียนมากขึ้นว่า ในเมื่อยังไม่สามารถเผด็จศึกได้ในตอนนี้ อ้วนเสี้ยวควรยุติสงครามครั้งนี้กับโจโฉโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้น “ทุกฝ่ายจะพากันตายหมด” เพราะความหุนหันพลันแล่นและเอาแต่ใจของอ้วนเสี้ยวเพียงคนเดียว เสียงเรียกร้องของราษฎรได้เพิ่มความลังเลให้แก่อ้วนเสี้ยวมากขึ้น เพราะก่อนขึ้นมาเป็นใหญ่อ้วนเสี้ยวโปรยยาหอมกับราษฎรที่อยู่ในการปกครองว่าเขาจะทำให้ก๊กที่มีเขาเป็นผู้นำ “กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”

โดยเนื้อแท้นั้นอ้วนเสี้ยวและโจโฉไม่ใช่คนดีหรือเลวสุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง ทั้งคู่ก็คือมนุษย์ปุถุชนทั่วไปที่มีทั้งสีดำ สีขาวและสีเทาอยู่ในตัวเอง อ้วนเสี้ยวนั้นเป็นผู้ที่มีบุคลิกและแนวคิด “เป็นธุรกิจ” เต็มขั้น มีวาทศิลป์สามารถดึงดูดคนมีความสามารถในทุกด้านให้มาร่วมงานด้วยได้ แต่น่าเสียดายที่หลายครั้งกลับใช้คนไม่ถูกกับงาน ส่วนโจโฉนั้นถือว่า “รบร้อย ชนะร้อย นั้นไม่มี” และ “ความล้มเหลวสอนให้รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ” ศึกครั้งนี้ถือว่าโจโฉเตรียมรับมือมาดี ส่วนอ้วนเสี้ยวจะสามารถรุกฆาตโจโฉ หรือจะเพลี้ยงพล้ำด้วยการ “ถือเจ้ายศเจ้าอย่าง” หรือเพราะนิสัย”โอ้อวด หูเบา โลเล ” ที่แม้ในวรรณกรรมนั้นปรากฏว่าอ้วนเสี้ยวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง “ปัญญา” ของทั้งสองฝ่ายจะเป็นผู้ตัดสิน และศึกครั้งนี้น่าจะยาวนานกว่าในวรรณกรรมนัก.

--------------------------------------
 

ภัทราพร ไพบูลย์ศิลป

เครดิตภาพ : REUTERS