ข่าวตำรวจอินโดนีเซียยิงแก๊สน้ำตาสลายม็อบต้านวิโดโด - kachon.com

ตำรวจอินโดนีเซียยิงแก๊สน้ำตาสลายม็อบต้านวิโดโด
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ว่าตำรวจปราบจลาจลของอินโดนีเซียมากกว่า 30,000 นายกระจายกำลังทั่วกรุงจาการ์ตา โดยเฉพาะที่หน้าอาคารสำนักงานคณะกรรมการกำกับดูแลการเลือกตั้ง ( เบวาสลู ) เพื่อควบคุมสถานการณ์ชุมนุมประท้วงของประชาชนหลายพันคน ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนพล.ท.ปราโบโว ซูเบียนโต โดยเจ้าหน้าที่ใช้ทั้งแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อกดดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมสลายตัว แต่ยังคงใการขัดขืนด้วยการจุดประทัด ขว้างปาระเบิดเพลิงใส่เจ้าหน้าที่ และมีรายงานการเผาทำลายแผงร้านค้าซึ่งอยู่ใกล้เคียงด้วย แต่ยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนมีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงรุ่งสางของวันพุธ
 



 
ทั้งนี้ บรรยากาศตึงเครียดเกิดขึ้นหลังคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของอินโดนีเซีย ( เคพียู ) ประกาศเมื่อวันอังคาร  ว่าผลอย่างเป็นทางการของการเลือกตั้งแห่งชาติที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ในส่วนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ตัวแทนจากพรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซีย-การต่อสู้ ( พีดีไอ-พี ) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียง 85.6 ล้านคะแนน หรือ 55.5% ชนะคู่แข่งคนเดิมจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 คือพล.ท.ซูเบียนโต จากพรรคขบวนการอินโดนีเซียยิ่งใหญ่ ( เกอรินทรา ) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 68.5 ล้านคะแนน คิดเป็น 44.5%

ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด และนายมารูฟ อามิน ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนและถ่ายภาพร่วมกับประชาชนที่ชุมชนแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา
 

 
ขณะที่วิโดโด วัย 57 ปี กล่าวว่าเขาและนายมารูฟ อามิน วัย 76 ปี ว่าที่รองประธานาธิบดีคนใหม่ จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ในฐานะผู้นำและรองผู้นำของชาวอินโดนีเซียทุกคน โดยวาระแห่งชาติที่รอวิโดโดให้สานต่อรวมถึงการลดอัตราความยากจนที่เริ่มเห็นผลบ้างแล้ว และเดินหน้าการปฏิรูประบบโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ ซึ่งอินโดนีเซียเปิดบริการรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรกในกรุงจาการ์ตา เมื่อปลายเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม พล.ท.ซูเบียนโต วัย 67 ปี ยืนยันว่าตัวเขาและพรรเกอรินทราไม่มีทางยอมรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี "การทุจริตเป็นวงกว้าง" และจะร้องเรียนต่อศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้งเตือนว่าประชาชนจะออกมาชุมนุมมากขึ้นเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการเลือกตั้ง "ที่สกปรก" อย่างไรก็ตาม พล.ท.ซูเบียนโตเคยร้องเรียนแบบเดียวกันนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ หลังการเลือกตั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ให้วิโดโดเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 53% ต่อ 47%.
   
เครดิตภาพ : AFP,REUTERS