ข่าวทรัมป์เพิ่มการใช้ "สงครามประสาท" กับอิหร่าน - kachon.com

ทรัมป์เพิ่มการใช้ "สงครามประสาท" กับอิหร่าน
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวันอาทิตย์  ว่าอิหร่านไม่ควร "ข่มขู่คุกคาม" ต่อสหรัฐอีก และหากอิหร่านต้องการสู้รบ นั่นจะหมายถึงจุดจบของอิหร่าน "อย่างเป็นทางการ" แม้นายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่าเขายังมองไม่เห็นแนวโน้มการเกิดสงครามระหว่างทั้งสองประเทศ
 

 
การทวีตดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศในอ่าวเปอร์เซียที่ตึงเครียดขึ้นตั้งแต่เดือนที่แล้ว เมื่อสหรัฐส่งกองเรือพิฆาตเฉพาะกิจขนาดใหญ่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้นนิมิตซ์ "ยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น" เดินทางผ่านคลองสุเอซเข้าสู่น่านน้ำทแถบตะวันออกกลางพร้อมฝูงอากาศยานอีกหลากหลายรุ่น รวมถึงเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ "บี-52" แต่รัฐบาลเตหะรานให้ความเห็นต้อการมาเยือนของกองเรือชุดใหญ่ของสหรัฐว่ามาเพื่อ "เป็นเป้าหมาย" มากกว่า และ "สงคราม" ระหว่างสองประเทศในตอนนี้ไม่ใช่การสู้รบกันด้วยการใช้อาวุธ แต่เป็นการต่อสู้กันด้วย "สงครามข่าวกรอง" และ "สงครามจิตวิทยา" อีกทั้งการที่สหรัฐเลือกทำแบบนี้ยิ่งสะท้อน "ความอ่อนแอ" ด้านการบริหารนโยบายต่างประเทศของทรัมป์
 


ขณะเดียวกันมีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนในรัฐบาลทรัมป์ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงยังเสียงแตก เกี่ยวกับการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ "ที่ชัดเจน" ของสหรัฐต่ออิหร่าน โดยนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงซึ่งมีจุดยืนสายเหยี่ยวต่อรัฐบาลเตหะรานอยู่แล้ว ต้องการให้ทรัมป์สั่งใช้ "มาตรการเด็ดขาดทางทหาร" ต่ออิหร่านให้เร็วที่สุด แต่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย
 
ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่าจรวดลูกหนึ่งที่แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า "เป็นเพียงจรวดคุณภาพต่ำ" ตกลงในกรีนโซนซึ่งเป็นพื้นที่ความมั่นคงสูงในกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก แม้จรวดลำนั้นตกใกล้กับสถานเอกอัคราชทูตสหรัฐ แต่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ และไม่มีทรัพย์สินในบริเวณนั้นได้รับความเสียหาย.

เครดิตภาพ : AFP,REUTERS