ทรัมป์ไม่ต้องการ "สงครามสหรัฐ-อิหร่าน"
ต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของทรัมป์กลับเรียกได้ว่าสวนกระแสกับบรรดาทีมงานต่างประเทศสายเหยี่ยว โดยเฉพาะนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ และนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว ซึ่งกล่าวถึงการที่กองทัพสหรัฐส่งกองเรือพิฆาตชุดใหญ่นำโดยเรือ "ยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น" ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้นนิมิตซ์ เดินทางจากสหรัฐสู่ตะวันออกกลางตั้งแต่เดือนที่แล้ว หรือแม้แต่คำกล่าวของผู้นำสหรัฐเอง เกี่ยวกับรายงานของเดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส ซึ่งอ้างนายแพทริก ชานาฮาน รักษาการรมว.กระทรวงกลาโหม เรื่องแผนการเตรียมส่งทหารอเมริกัน "มากถึง 120,000 นาย" เข้าสู่ตะวันออกกลาง ว่าถ้าเป็นคำสั่งจากเขาจริง ขนาดของกำลังพล "ต้องยิ่งใหญ่กว่านั้น"
ขณะที่นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงทำเนียบขาว กล่าวว่าผู้นำสหรัฐและทีมงาน "ไม่มีความขัดแย้งกัน" ในเรื่องอิหร่าน และทรัมป์รับฟัง "ความเห็นต่าง" จากทุกฝ่าย โดยมีรายงานมาตลอดว่าแกนนำระดับอาวุโสในสภาคองเกรสทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐจะใช้มาตรการทางทหารต่ออิหร่าน แม้ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศในเรื่องโครงการนิวเคลียร์รุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ ตั้งแต่สหรัฐเป็นฝ่ายถอนตัวเมื่อเดือนพ.ค. ปีที่แล้ว.
เครดิตภาพ : REUTERS