รัฐบาลเวียดนามถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต่างประเทศ
Webmaster
2019-05-06 10:28:00
11
Webmaster
2019-05-06 10:28:00
11
-
สนับสนุนเนื่อหา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ว่าสำนักข่าวแห่งชาติของเวียดนามเผยแพร่สาส์นของประธานาธิบดีเหงียน ฟู้ จ่อง และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ขอพระราชทานพระบรมวราชวโรกาสกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี
นอกจากนี้ ผู้นำเวียดนามแสดงความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับเวียดนามจะเจริญรุดหน้ายิ่งขึ้นไปในทุกด้าน ภายใต้รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อประโยชน์สุข สันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดจนเพื่อประชาคมอาเซียน และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และประชาคมโลก
ขณะที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ ร่วมกับสภากาชาดเวียดนาม โรงพยาบาล Blood Transfusion นครโฮจิมินห์ และโครงการเส้นทางสีแดง ( Hanh trinh do ) ของเวียดนาม ได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตภายใต้โครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อให้ชาวไทยที่พำนักในนครโฮจิมินห์และจังหวัดในเขตกงสุลได้ร่วมกันทำกิจกรรมสาธารณกุศลเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ กล่าวในช่วงพิธีเปิดของกิจกรรม ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” จัดตั้งขึ้นตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งยังทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ที่จะส่งเสริมให้ประชาชนเห็นคุณค่าของการ “ให้” ผ่านการมีส่วนร่วม ในการทำคุณประโยชน์แก่สังคม ชุมชน และประเทศชาติ
ทั้งนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อให้ชุมชนไทยในนครโฮจิมินห์และจังหวัดในเขตกงสุลและมิตรชาวเวียดนามได้ร่วมทำ “ความดี” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสมหามงคลดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในประเทศไทย และเพื่อตอบแทนคุณสังคมและแผ่นดินเวียดนามที่ได้ให้ชุมชนไทยในนครโฮจิมินห์และจังหวัดในเขตกงสุลได้พำนักและพักพิง โดยการบริจาคโลหิตในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนคลังโลหิตของสภากาชาดเวียดนาม จิตสาธารณกุศลของผู้บริจาคโลหิตจึงถือเป็นการทำ “ความดี” รูปแบบหนึ่งตามพระราชปณิธาน ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์มหาศาลแก่เพื่อนมนุษย์ อีกทั้งยังเป็น “ความดี” ที่สามารถทำได้ทุกคนโดยไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา หรือฐานะ.
เครดิตภาพ : AFP,สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
นอกจากนี้ ผู้นำเวียดนามแสดงความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไทยกับเวียดนามจะเจริญรุดหน้ายิ่งขึ้นไปในทุกด้าน ภายใต้รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อประโยชน์สุข สันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดจนเพื่อประชาคมอาเซียน และความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และประชาคมโลก
ขณะที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ ร่วมกับสภากาชาดเวียดนาม โรงพยาบาล Blood Transfusion นครโฮจิมินห์ และโครงการเส้นทางสีแดง ( Hanh trinh do ) ของเวียดนาม ได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิตภายใต้โครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อให้ชาวไทยที่พำนักในนครโฮจิมินห์และจังหวัดในเขตกงสุลได้ร่วมกันทำกิจกรรมสาธารณกุศลเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์ กล่าวในช่วงพิธีเปิดของกิจกรรม ซึ่งมีขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ว่าโครงการจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” จัดตั้งขึ้นตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ที่ทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ ทั้งยังทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ที่จะส่งเสริมให้ประชาชนเห็นคุณค่าของการ “ให้” ผ่านการมีส่วนร่วม ในการทำคุณประโยชน์แก่สังคม ชุมชน และประเทศชาติ
ทั้งนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้เพื่อให้ชุมชนไทยในนครโฮจิมินห์และจังหวัดในเขตกงสุลและมิตรชาวเวียดนามได้ร่วมทำ “ความดี” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลในโอกาสมหามงคลดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในประเทศไทย และเพื่อตอบแทนคุณสังคมและแผ่นดินเวียดนามที่ได้ให้ชุมชนไทยในนครโฮจิมินห์และจังหวัดในเขตกงสุลได้พำนักและพักพิง โดยการบริจาคโลหิตในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนคลังโลหิตของสภากาชาดเวียดนาม จิตสาธารณกุศลของผู้บริจาคโลหิตจึงถือเป็นการทำ “ความดี” รูปแบบหนึ่งตามพระราชปณิธาน ที่สามารถสร้างคุณประโยชน์มหาศาลแก่เพื่อนมนุษย์ อีกทั้งยังเป็น “ความดี” ที่สามารถทำได้ทุกคนโดยไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา หรือฐานะ.
เครดิตภาพ : AFP,สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
