สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ เสด็จขึ้นครองราชย์
ต่างประเทศ
Webmaster
2019-05-01 08:31:00
25
Webmaster
2019-05-01 08:31:00
25
-
สนับสนุนเนื่อหา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ว่าสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะเสด็จออก ณ ห้องต้นสน “มัตสึ-โนะ-มะ” หรือท้องพระโรงภายในพระราชวังอิมพีเรียล เมื่อเวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ ( 08.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) เพื่อทรงประกอบพระราชพิธี "เคนจิ-โตะ-โชเคอิ-โนะ-งิ" หรือพระราชพิธีทรงรับการขึ้นสิริราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ลำดับที่ 126 แห่งราชวงศ์ยามาโตะหรือราชวงศ์ดอกเบญจมาศ
ทั้งนี้ ตามกฎมณเฑียลบาลอันเคร่งครัด พระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งตามเสด็จสมเด็จพระจักรพรรดิในพระราชพิธีนี้ต้องซึ่งชายและต้องทรงมี "พระอิสริยยศอาวุโส" เท่านั้น ประกอบด้วยเจ้าชายฟุมิฮิดตะ เจ้าอะกิชิโนะ พระอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดิและมกุฎราชกุมาร และเจ้าชายฮิตาชิ พระอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโต
หลังจากนั้น เจ้าพนักงานอัญเชิญกล่องบรรจุเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ชิ้น ได้แก่ พระแสงขรรค์ชัยศรี พระฉายหรือกระจก และสายสร้อยพระสังวาลประดับเนาวรัตน์ ตลอดจนตราพระราชลัญจกรดอกเบญจมาศซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ยามาโตะ เข้ามาวางยังแท่นหน้าพระพักตร์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีการเปิดกล่องอย่างเด็ดขาดตามโบราณราชประเพณี
สำหรับพระราชพิธีดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น และเกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบโดยไม่มีบุคคลใดเปล่งวาจาออกมาแม้แต่คำเดียว โดยสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะทรงน้อมพระเศียรคำนับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ชิ้น ท่ามกลาสักขีพยานคือนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และคณะรัฐมนตรี
อนึ่ง การเสด็จขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะถือเป็นเริ่มต้นของรัชสมัยเรวะที่ 1 ซึ่งหมายถึงความสงบ ความเป็นระเบียบ ความสามัคคี และความปรองดองอันดีงาม หลังรัชสมัย "เฮเซ" ที่หมายถึง "การบรรลุสู่สันติภาพ" สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเป็นปีที่ 31 เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังการทรงประกาศสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโต พระราชบิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 200 ปีที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงสละราชสมบัติขณะยังทรงมีพระชนม์ชีพ ส่วนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแก่สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ปัจจุบันทรงเจริญพระชนมพรรษา 59 พรรษา จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค. นี้.
เครดิตภาพ : AFP,AP
ทั้งนี้ ตามกฎมณเฑียลบาลอันเคร่งครัด พระบรมวงศานุวงศ์ซึ่งตามเสด็จสมเด็จพระจักรพรรดิในพระราชพิธีนี้ต้องซึ่งชายและต้องทรงมี "พระอิสริยยศอาวุโส" เท่านั้น ประกอบด้วยเจ้าชายฟุมิฮิดตะ เจ้าอะกิชิโนะ พระอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดิและมกุฎราชกุมาร และเจ้าชายฮิตาชิ พระอนุชาในสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโต
หลังจากนั้น เจ้าพนักงานอัญเชิญกล่องบรรจุเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ชิ้น ได้แก่ พระแสงขรรค์ชัยศรี พระฉายหรือกระจก และสายสร้อยพระสังวาลประดับเนาวรัตน์ ตลอดจนตราพระราชลัญจกรดอกเบญจมาศซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ยามาโตะ เข้ามาวางยังแท่นหน้าพระพักตร์ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีการเปิดกล่องอย่างเด็ดขาดตามโบราณราชประเพณี
สำหรับพระราชพิธีดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเท่านั้น และเกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบโดยไม่มีบุคคลใดเปล่งวาจาออกมาแม้แต่คำเดียว โดยสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะทรงน้อมพระเศียรคำนับเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ชิ้น ท่ามกลาสักขีพยานคือนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และคณะรัฐมนตรีอนึ่ง การเสด็จขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะถือเป็นเริ่มต้นของรัชสมัยเรวะที่ 1 ซึ่งหมายถึงความสงบ ความเป็นระเบียบ ความสามัคคี และความปรองดองอันดีงาม หลังรัชสมัย "เฮเซ" ที่หมายถึง "การบรรลุสู่สันติภาพ" สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเป็นปีที่ 31 เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังการทรงประกาศสละราชสมบัติของสมเด็จพระจักรพรรดิพระเจ้าหลวงอากิฮิโต พระราชบิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 200 ปีที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงสละราชสมบัติขณะยังทรงมีพระชนม์ชีพ ส่วนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแก่สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ปัจจุบันทรงเจริญพระชนมพรรษา 59 พรรษา จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค. นี้.
เครดิตภาพ : AFP,AP
