ข่าวสหรัฐหนุนกวยโดปลุก "การลุกฮือครั้งใหญ่" ของเวเนเซุเอลา - kachon.com

สหรัฐหนุนกวยโดปลุก "การลุกฮือครั้งใหญ่" ของเวเนเซุเอลา
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงการากัส ประเทศเวเนเซุเอลา เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวันอังคาร ว่าเขากำลัง "จับตาอย่างใกล้ชิด" ต่อสถานการณ์ในเวเนซุเอลา และยืนยันว่าสหรัฐอยู่เคียงข้างชาวเวเนซุเอลาทุกคนเพื่อ "เสรีภาพ" เช่นเดียวกับรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ทรัมป์มอบหมายภารกิจให้จัดการสถานการณ์ในอเมริกาใต้โดยตรง ที่เกิดเหตุจลาจลและการปะทะอย่างรุนแรงครั้งใหม่ระหว่างฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง หลังนายฮวน กวยโด ซึ่งประกาศตัวเป็น "ผู้นำรักษาการ" ของเวเนซุเอลา เมื่อปลายเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏตัวที่ฐานทัพแห่งหนึ่งพร้อมทหารจำนวนหนึ่ง ประกาศ "การลุกฮือขั้นสุดท้าย" ของพลังประชาชน "เพื่อโค่นอำนาจประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร "ผู้นำเผด็จการ"
 


 

 
ด้านนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า "หมดเวลาแล้ว" สำหรับมาดูโร โดยเขาได้รับรายงานว่าเครื่องบินเจ็ตลำประจำตำแหน่งประธานาธิบดีเตรียมพร้อมออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงการากัสไปยังคิวบา และเรียกร้องให้ผู้นำเวเนซุเอลา "เร่งทบทวน" การตัดสินใจที่รัสเซียน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ต่อมาทรัมป์ทวีตอีกว่าเขาจะใช้มาตรการคว่ำบาตร "ขั้นสูงสุด" ต่อคิวบา หากรัฐบาลฮาวานาช่วยเหลือมาดูโร และหวังว่ากองทัพคิวบาจะไม่เคลื่อนไหวในตอนนี้ ขณะที่นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว กล่าวย้ำว่ามาดูโรไม่เหลือทางเลือกแล้ว นอกจากต้องลงจากตำแหน่ง และเตือนคิวบาเรื่องการส่งทหาร 25,000 นายเข้าไปในเวเนซุเอลา

นายฮวน กวยโด และนายเลโอโปลโด โลเปซ อีกหนึ่งแกนนำต่อต้านรัฐบาลคนสำคัญ ซึ่งออกจากเรือนจำแล้ว

 

 
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีมิเกล ดิแอซ-กาเนล ผู้นำคิวบา ตำหนิสหรัฐที่กล่าวหาว่ารัฐบาลฮาวานามีทหารอยู่ในเวเนซุเอลา "โดยไม่มีหลักฐาน" และประกาศพร้อมต่อสู้กับมาตรการคว่ำบาตรจากทำเนียบขาว และ พล.อ.วลาดิเมียร์ ปาดริโน โลเปซ รมว.กระทรวงกลาโหมของเวเนซุเอลา ยืนยันความสนับสนุนของกองทัพที่มีต่อมาดูโร และกล่าวหากวยโดร่วมมือกับสหรัฐในการทำรัฐประหาร ซึ่งฝ่ายความมั่นคงจะเร่งจัดการกับสถานการณ์วุ่นวายครั้งนี้ให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุด.
   
เครดิตภาพ : AP,AFP,REUTERS