อินโดนีเซียโวยเรือยามฝั่งเวียดนามขวางจับเรือประมง
ต่างประเทศ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงจาการ์ตาประเทศอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ว่า กระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซียแถลงว่า เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุเรือยามฝั่งของเวียดนามพุ่งชนกับเรือของกองทัพเรืออินโดนีเซีย เพื่อหาทางขัดขวางไม่ให้เรือของกองทัพเรืออินโดนีเซียเข้าจับกุมเรือประมงลำหนึ่งของเวียดนามที่ลักลอบเข้ามาจับปลาโดยผิดกฎหมายในเขตน่านน้ำของอินโดนีเซียแถวทะเลจีนใต้ ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซียได้เรียกเอกอัครราชทูตเวียดนามประจำอินโดนีเซียเข้าพบเพื่อแจ้งให้ทราบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาโดยระบุว่า การกระทำของเรือยามฝั่งเวียดนามก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศและยังขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศรวมทั้งเจตนารมย์ของอาเซียน(สมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)
อินโดนีเซียอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวซึ่งอยู่ทางใต้สุดของทะเลจีนใต้เป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ซึ่งอินโดนีเซียมีสิทธิ์ที่จะแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล
กองทัพเรืออินโดนีเซียแถลงว่า เรือยามฝั่งเวียดนาม 2 ลำพยายามขัดขวางไม่ให้เรือของกองทัพเรืออินโดนีเซียเข้าไปจับกุมเรือประมงลำหนึ่งของเวียดนามด้วยการพุ่งชน ส่วนเรือประมงของเวียดนามก็จมลงเพราะอุบัติเหตุชนกัน ตามคำแถลงของทางการอินโดนีเซียแต่ไม่ได้เปิดเผยในรายละเอียด นอกจากนั้นลูกเรือ 12 คนถูกจับกุมตัวไว้ได้ แต่ก็มีอีก 2 คนโดดหนีลงไปในน้ำ เรือยามฝั่งเวียดนามเข้ามาช่วยเหลือไว้ได้และยังหลบหนีไปได้อีก
อินโดนีเซียใช้วิธีการระเบิดเรือประมงต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาจับปลาโดยผิดกฎหมายในเขตน่านน้ำของอินโดนีเซีย เพื่อเป็นมาตรการยับยั้งไม่ให้เรือประมงต่างชาติเข้ามา ซึ่งที่ผ่านมาก็มีถูกระเบิดทิ้งไปหลายร้อยลำแล้ว แต่ไม่มีลูกเรืออยู่ในเรือประมงที่ถูกระเบิดทิ้ง อินโดนีเซียใช้วิธีการนี้มาตั้งแต่ปี 2557 บางครั้งก็นำเสนอภาพการระเบิดทิ้งต่อสื่อมวลชนเพื่อนำไปเผยแพร่ไปประชาชนทราบ วิธีการนี้ถูกระงับไปนานหลายเดือนแล้ว จนกระทั่งซูซี ปุดเจียสตูตี รัฐมนตรีประมงของอินโดนีเซียประกาศว่า จะทำการระเบิดเรือประมงทิ้งอีก 51 ลำส่วนใหญ่จะเป็นเรือประมงของเวียดนามในวันเสาร์ที่ 4 พ.ค.นี้
เครดิตภาพAFP