ทำความรู้จัก "ไตรราชกกุธภัณฑ์" แห่งราชวงศ์ญี่ปุ่น
ต่างประเทศ
เครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ประกอบด้วย พระแสงขรรค์ชัยศรีหรือดาบ ราชสมบัติชิ้นต่อมาคือพระฉาย หรือกระจกที่เรียกว่า “ยาตะ-โนะ-ทาคามิ” และราชสมบัติชิ้นสุดท้ายคือสายสร้อยพระสังวาลย์ประดับเนาวรัตน์ เรียกว่า “ยาสะคานิ-โนะ-มากาทามะ” ทั้งนี้ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ทั้งสามชิ้นได้รับการเก็บรักษาไว้ยังสถานที่ 3 แห่ง ขณะที่พระแสงขรรค์ชัยศรีอยู่ที่ศาลเจ้าอัตสึตะ ที่เมืองนาโงยะ เมืองเอกของจังหวัดไอจิ พระฉายอยู่ที่ศาลเจ้าอิเสะ ซึ่งเป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ตั้งอยู่ที่เมืองอิเสะ ในจังหวัดมิเอะ โดยศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองแห่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ส่วนสายสร้อยพระสังวาลย์อยู่ที่พระราชวังอิมพีเรียล ในกรุงโตเกียว
แม้เครื่องเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 ชิ้น ได้รับการเก็บรักษาไว้ยังสถานที่คนละแห่งในประเทศ แต่ราชสมบัติทุกชิ้นได้รับการรักษาและบรรจุไว้ในกล่องผ้าปักลายดอกเบญจมาศ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำราชวงศ์ และไม่เคยมีพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์ใดเคยได้ทอดพระเนตรราชสมบัติทั้งสามชิ้นนี้ แม้แต่สมเด็จพระจักรพรรดิตั้งแต่พระองค์แรกจนถึงพระองค์ปัจจุบัน ตลอดจนมหาดเล็กและข้าราชบริพารเช่นกัน เนื่องจากถือเป็น “สิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีความสูงค่ายิ่ง” ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น เคยมีเรื่องเล่าขานว่า สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์หนึ่งทรงเคยเปิดหนึ่งในกล่องบรรจุเครื่องราชกกุธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์แล้วมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา พระองค์ทรงรับสั่งให้มหาดเล็กปิดกล่องใบนั้นทันที
อนึ่ง สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโต ปัจจุบันทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา จะทรงเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์แรกของญี่ปุ่นในรอบ 2 ศตวรรษที่ทรงสละราชสมบัติ ต่อจากสมเด็จพระจักรพรรดิโคกะกุ เมื่อปี 2360 ในวันที่ 30 เม.ย. นี้ ถือเป็นการสิ้นสุดรัชสมัย “เฮเซ” ที่หมายถึง “การบรรลุสู่สันติภาพ” อันยาวนาน 31 ปี และเจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมาร ปัจจุบันทรงเจริญพระชนมายุ 59 พรรษา จะเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ต่อไปในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งจะเป็นวันเริ่มต้นของรัชศกเรวะปีแรกอย่างเป็นทางการ ส่วนพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแก่สมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ใหม่ จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค. ปีเดียวกัน.
เครดิตภาพ : AFP