ข่าวศรีลังกาเร่งล่าสมาชิกหัวรุนแรง หวั่นเกิดเหตุซ้ำที่โคลัมโบ - kachon.com

ศรีลังกาเร่งล่าสมาชิกหัวรุนแรง หวั่นเกิดเหตุซ้ำที่โคลัมโบ
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีไมตรีปาละ สิริเสนา ผู้นำศรีลังกา แถลงเมื่อวันศุกร์ ว่านายซาห์รัน ฮาชิม ซึ่งฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่าคือผู้วางแผนการก่อวินาศกรรม 8 จุดในกรุงโคลัมโบ เมื่อวันอีสเตอร์ที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์ 3 แห่งและโรงแรมหรู 3 แห่งนั้น เสียชีวิตแล้ว โดยฮาชีมและสมาชิกอีกคนหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่เปิดเผยชื่อเพียง "อิลฮาม' ร่วมกันก่อเหตุที่โรงแรมแชงกรี-ลา และเจ้าหน้าที่กำลังเร่งแกะรอยเพื่อตามล่าผู้ต้องสงสัยอีกประมาณ 140 คน ซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอเอสหรือกลุ่มเตาฮีธ จามาอัธแห่งชาติ ( เอ็นทีเจ )
 



ในเวลาเดียวกัน กลุ่มไอเอสซึ่งยังคงอ้างเป็นผู้บงการเหตุวินาศกรรมที่ศรีลังกาในครั้งนี้ เผยคลิปชาย 8 คนสวมชุดดำและอำพรางใบหน้าอย่างมิดชิด ยกเว้นเพียงฮาชิมที่เปิดเผยใบหน้าทั้งหมด ร่วมกันประกาศสวาวิภักดิ์ต่อกลุ่มไอเอส ด้านน้องสาวคนสุดท้ายจากพี่น้องทั้งหมด 5 คนของฮาชิมประณามการกระทำของพี่ชายคนโตอย่างหนัก และให้ข้อมูลกับตำรวจว่าฮาชิมไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวมานานร่วม 2 ปีแล้ว หลังเข้าร่วม "ขบวนการอาชญากรรมใต้ดิน"
 



ขณะที่กองทัพศรีลังกาเพิ่มกำลังทหารในเครื่องแบบเป็นมากกว่า 10,000 นาย กระจายกำลังอารักขาสถานที่สำคัญทั่วประเทศโดยเฉพาะศาสนสถาน ขณะที่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงบุกจู่โจมบ้านหลังหนึ่งในเมืองอัมปารา ซาอินธามารูธู ทางตะวันออกของประเทส และมีรายงานเสียงปืนดังสัน่น แต่หลังจากนั้นยังไม่การเปิดเผยว่ามีความสูญเสียใดหรือไม่ ส่วนคาร์ดินัล มัลคอล์ม รานิธ อาร์คบิชอปแห่งโคลัมโบ และสมาคมมุสลิมแห่งชาติของศรีลังกา ตัดสินใจในเวลาไล่เลี่ยกัน ให้ประชาชนสวดมนต์และปฏบัติศาสนพิธีอื่นอยู่ที่ย้านเป็นการชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ปลอดภัยเต็มร้อย


ด้านสถานเอกอัครราชทูตของกลุ่มประเทศตะวันตกหลายแห่งทยอยออกประกาศเตือนพลเมืองของตัวเองเรื่องการท่องเที่ยวในศรีลังกา หลังเหตุวินาศกรรมคร่าชีวิตประชาชนมากกว่า 250 คน และได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ 500 คน ท่ามกลางการวิเคราะห์ด้วยว่า ความขัดแย้งทางการเมืองภายในของศรีลังกาส่งผลต่อการประสานงานของหน่วยงานด้านความมั่นคง และเป็นหนึ่งในปัจจัยส่งผลให้เกิดเหตุวินาศกรรมครั้งนี้ด้วย.

เครดิตภาพ : REUTERS,AFP