ข่าวศรีลังกาสั่งโบสถ์ระงับกิจกรรม "เพื่อความปลอดภัย" - kachon.com

ศรีลังกาสั่งโบสถ์ระงับกิจกรรม "เพื่อความปลอดภัย"
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ว่ารัฐบาลศรีลังกาประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี ให้โบสถ์คาทอลิกทุกแห่งระงับศาสนกิจและศาสนพิธี “เป็นการชั่วคราว” เพื่อความปลอดภัย ในขณะที่กองทัพและตำรวจสนธิกำลังกันตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยที่น่าจะยังคงมีหลายคนหลบหนีอยู่ และการที่หน่วยตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุระเบิด ( อีโอดี ) ยังคงต้องตรวสอบพัรสดุต้องสงสัยตามสถานที่สำคัญหลายแห่งในประเทศไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งมีทั้งที่สร้างสถานการณ์ และเป็นระเบิดแสวงเครื่องของจริง อย่างไรก็ดี หน่วยอีโอดีสามารถปลดชนวนระเบิดและควบคุมขอบเขตของความเสียหายได้ หลังเกิดเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่ในกรุงโคลัมโบ เมื่อวันอีสเตอร์ปีนี้ซึ่งตรงกับเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่เป็นการระเบิดโบสถ์ 3 แห่ง โรงแรมหรู 3 แห่ง ระเบิดใกล้สวนสัตว์แห่งชาติ และระเบิดที่บ้านพักหลังหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งกบดานของคนร้าย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตทันที 3 นาย
 




ทั้งนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 253 คน และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 500 คน โดยในจำนวนทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บมีชาวต่างชาติหลายสิบคนจากอย่างน้อย 12 ประเทศ ขณะที่กระทรวงกลาโหมของศรีลังกาเผยว่าทีมมือระเบิดฆ่าตัวตายมีทั้งสิ้น 9 คน หนึ่งในนั้นเป็นหญิง โดย 8 คนถือสัญชาติศรีลังกา ซึ่งทีมมือระเบิดทั้งหมดมาจากครอบครัวมีฐานะดีและหลายคนจบการศึกษาจากต่างประเทศ รวมถึงในออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร ด้านกองทัพเพิ่มจำนวนทหารรักษาตามสถานที่สำคัญโดยเฉพาะ “เป้าหมายอ่อน” ทั่วประเทศอีกมากกว่า 5 เท่า จาก 1,200 นายเป็น 6,300 นาย
 


ขณะที่ประธานาธิบดีไมตรีปาละ สิริเสนา มีคำสั่ง “ยกเครื่องครั้งใหญ่” ภายในหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยมีปลดรมว.กระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับ “ความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง” ในการประสานงานระหว่างหน่วยข่าวกรองกับฝ่ายความมั่นคง ซึ่งผู้สันทัดกรณีมองว่าคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่และเป็นวงกว้างขนาดนี้


แม้รัฐบาลศรีลังกากล่าวหากลุ่มเตาฮีธ จามาอัธแห่งชาติ ( เอ็นทีเจ ) ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งทางศาสนา อยู่เบื้องหลังเหตุวินาศกรรมครั้งนี้ แต่เอ็นทีเจยังไม่เคยออกมาแสดงท่าที ส่วนกลุ่มไอเอสออกมารับสมอ้างตามความคาดหมายของหลายฝ่าย แต่ไม่มีหลักฐานรองรับอย่างชัดเจน.

เครดิตภาพ : AFP