ทรัมป์ไม่หวั่นหากเดโมแครตเสนอญัตติถอดถอน
ต่างประเทศ
Webmaster
2019-04-23 08:45:00
11
Webmaster
2019-04-23 08:45:00
11
-
สนับสนุนเนื่อหา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ว่าภายหลังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเผยแพร่รายงานฉบับเต็ม "ที่ได้รับการตรวจทานแล้ว" ความยาว 448 หน้า เมื่อต้นสัปดาห์นี้ เกี่ยวกับข้อครหาว่ารัสเซีย "แทรกแซง" การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 จัดทำโดยนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) ในฐานะอัยการพิเศษ และทีมงานซึ่งใช้เวลารวบรวบข้อมูลนานถึง 22 เดือน ที่แม้มีการยืนยันว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือส่วนร่วม" กับเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าผู้นำสหรัฐถือเป็น "ผู้บริสุทธิ์" หรือไม่ แม้อดีตทีมงานหาเสียงและผู้ช่วยหลายคนถูกดำเนินคดีก็ตาม
นอกจากนี้ การที่เนื้อหาในตอนหนึ่งของรายงานยังระบุว่าทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กับนายดอน แมคกาห์น อดีตที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2560 ทรัมป์โทรศัพท์ไปที่บ้านของแมคกาห์นถึง 2 ครั้งภายในวันเดียว สั่งให้อีกฝ่ายไปบอกนายร็อด โรเซนสไตน์ รมช.กระทรวงยุติธรรม ว่าการดำเนินงานของมุลเลอร์และทีมงาน "ขัดต่อผลประโยชน์ของชาติ" และโรเซนสไตน์ต้องปลดมุลเลอร์ออกจากตำแหน่ง แต่ท้ายที่แมคกาห์น "ตัดสินใจ" ไม่แจ้งเรื่องนี้กับโรเซนสไตน์ และขอลาออกเองในเวลาต่อมา โดยกล่าวกับนายไรนซ์ พรีบัส หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวในเวลานั้น ว่าเขาไม่สามารถปฏิบัติตาม "คำสั่งเลวร้าย" ของทรัมป์ได้นั้น
ผู้นำสหรัฐยืนยันว่า "ทุกคนในทำเนียบขาว" ปฏิบัติตามคำสั่งของเขา และกล่าวว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่มุลเลอร์ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ ไม่มีการเชิญ "บุคคลใกล้ชิด" กับเขาไปสอบปากคำแม้แต่คนเดียว และเมื่อผู้สื่อข่าวซักถามกรณีที่พรรคเดโมแครตกำลังยายามใช้รายงานฉบับนี้เป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นญัตติถอดถอนเขา ทรัมป์ตอบว่า "ไม่กังวลแม้แต่น้อย" เพราะเขาไม่เคยทำสิ่งใดที่เข้าข่ายเป็น "กบฏ" มีแต่จะพัฒนาเศรษฐกิจและกองทัพให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น.
เครดิตภาพ : AP
นอกจากนี้ การที่เนื้อหาในตอนหนึ่งของรายงานยังระบุว่าทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กับนายดอน แมคกาห์น อดีตที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2560 ทรัมป์โทรศัพท์ไปที่บ้านของแมคกาห์นถึง 2 ครั้งภายในวันเดียว สั่งให้อีกฝ่ายไปบอกนายร็อด โรเซนสไตน์ รมช.กระทรวงยุติธรรม ว่าการดำเนินงานของมุลเลอร์และทีมงาน "ขัดต่อผลประโยชน์ของชาติ" และโรเซนสไตน์ต้องปลดมุลเลอร์ออกจากตำแหน่ง แต่ท้ายที่แมคกาห์น "ตัดสินใจ" ไม่แจ้งเรื่องนี้กับโรเซนสไตน์ และขอลาออกเองในเวลาต่อมา โดยกล่าวกับนายไรนซ์ พรีบัส หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวในเวลานั้น ว่าเขาไม่สามารถปฏิบัติตาม "คำสั่งเลวร้าย" ของทรัมป์ได้นั้น
ผู้นำสหรัฐยืนยันว่า "ทุกคนในทำเนียบขาว" ปฏิบัติตามคำสั่งของเขา และกล่าวว่าตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่มุลเลอร์ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ ไม่มีการเชิญ "บุคคลใกล้ชิด" กับเขาไปสอบปากคำแม้แต่คนเดียว และเมื่อผู้สื่อข่าวซักถามกรณีที่พรรคเดโมแครตกำลังยายามใช้รายงานฉบับนี้เป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นญัตติถอดถอนเขา ทรัมป์ตอบว่า "ไม่กังวลแม้แต่น้อย" เพราะเขาไม่เคยทำสิ่งใดที่เข้าข่ายเป็น "กบฏ" มีแต่จะพัฒนาเศรษฐกิจและกองทัพให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น.
เครดิตภาพ : AP
