ข่าวรายงานเรื่องรัสเซียฉบับเต็มชี้ทรัมป์ "ต้องการปลดอัยการพิเศษ" - kachon.com

รายงานเรื่องรัสเซียฉบับเต็มชี้ทรัมป์ "ต้องการปลดอัยการพิเศษ"
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ว่านายวิลเลียม บาร์ รมว.กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ อนุมัติการเผยแพร่รายงานฉบับเต็ม "ที่ได้รับการตรวจทานแล้ว" ความยาว 448 หน้า เกี่ยวกับข้อครหาว่ารัสเซีย "ก้าวก่าย" การเมืองภายในของสหรัฐเมื่อปี 2559 จัดทำโดยจากนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง ( เอฟบีไอ ) ในฐานะหัวหน้าอัยการพิเศษซึ่งแต่งตั้งโดยกระทรวงยุติธรรม ให้ทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งใช้เวลาจัดทำรายงานนานถึง 22 เดือน และส่งมอบรายงานแก่บาร์เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ก่อนที่มุลเลอร์และทีมงานทั้งหมดประกาศยุติบทบาทในเรื่องนี้หลังจากนั้น
 



อย่างไรก็ตาม บาร์ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะพรรคเดโมแครต เนื่องจากรายงานสรุปความยาวเต็ม 4 หน้ากระดาษที่เจ้าตัวส่งต่อสภาคองเกรส เพียงไม่กี่วันหลังได้รับข้อมูลทั้งหมดจากมุลเลอร์นั้น สรุปว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเคมเปญหาเสียงของผู้นำสหรัฐเมื่อ 3 ปีที่แล้ว "ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือส่วนร่วมในทางใดก็ตาม" กับรัสเซีย แต่ไม่มีการสรุปว่า ผู้นำสหรัฐ "ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมหรือไม่" และในตอนหนึ่งของรายงานฉบับเต็มกลับมีส่วนหนึ่งที่ระบุว่า มุลเลอร์และทีมงานพบ "ความเชื่อมโยงหลายทาง" ระหว่างแคมเปญหาเสียงของทรัมป์กับรัสเซีย และผู้นำสหรัฐคนปัจจุบัน "น่าจะได้ประโยชน์" จาก "การแทรกแซง" ของรัฐบาลมอสโก ที่มุลเลอร์ฟ้องบุคคลและนิติบุคคลรวมมากกว่า 30 รายชื่อ ในจำนวนนี้ 25 คนเป็นบุคคลสัญชาติรัสเซีย และอดีตผู้ช่วยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 6 คน รวมถึงนายพอล มานาฟอร์ต อดีตประธานแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ ซึ่งศาลพิพากษาให้รับโทษจำคุก 7 ปีครึ่ง

นายวิลเลียม บาร์ รมว.กระทรวงยุติธรรม และนายร็อด โรเซนสไตน์ รมช.กระทรวงยุติธรรม ( คนสวมแว่นยืนด้านหลัง )

นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่าทรัมป์สนทนาทางโทรศัพท์กับนายดอน แมคกาห์น อดีตที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาวเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2560 ทรัมป์โทรศัพท์ไปที่บ้านของแมคกาห์นถึง 2 ครั้งภายในวันเดียว สั่งให้อีกฝ่ายไปบอกนายร็อด โรเซนสไตน์ รมช.กระทรวงยุติธรรม ว่าการดำเนินงานของมุลเลอร์และทีมงาน "ขัดต่อผลประโยชน์ของชาติ" และโรเซนสไตน์ต้องปลดมุลเลอร์ออกจากตำแหน่ง แต่ท้ายที่แมคกาห์น "ตัดสินใจ" ไม่แจ้งเรื่องนี้กับโรเซนสไตน์ และขอลาออกเองในเวลาต่อมา โดยกล่าวกับนายไรนซ์ พรีบัส หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวในเวลานั้น ว่าเขาไม่สามารถปฏิบัติตาม "คำสั่งเลวร้าย" ของทรัมป์ได้
 


ขณะที่ผู้นำสหรัฐกล่าวถึงการเผยแพร่รายงานฉบับเต็มของกระทรวงยุติธรรมและมุลเลอร์ว่ายังคงเป็น "การล่าแม่มด" และ "เป็นข่าวปลอม" และตอนนี้เขามุ่งมั่นกับแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ในปีหน้าเท่านั้น.

เครดิตภาพ : AP