คณะรัฐประหารซูดานปลดอัยการสูงสุด
ต่างประเทศ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทีเอ็มซีภายใต้การนำของพล.ท.อับเดล ฟัตตาห์ อับเดลราห์มาน ซึ่งรัฐประหารโค่นอำนาจอดีตประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาเชียร์ วัย 75 ปี ซึ่งครองอำนาจนานกว่า 30 ปี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้รับการวิเคราะห์จากหลายฝ่ายว่าคือสัญญาณล่าสุดของความไม่ลงรอยระหว่างทีเอ็มซีกับสมาคมนักวิชาการซูดาน ( เอสพีเอ ) ซึ่งตั้งเงื่อนไขที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า "ยาวเป็นหางว่าว" ที่รวมถึงการเรียกร้องให้ทีเอ็มซียุติบทบาท "เร็วที่สุด" ด้วยการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อคืนอำนาจให้แก่ประชาชน ที่ไม่ควรรอนานถึง 2 ปี แต่ทีเอ็มซีให้คำมั่นการจัดตั้งคณะกรรมาธิการปราบปรามการทุจริต และการยกเลิกกฎหมายควบคุมสื่อ ขณะที่ในส่วนของผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองนั้น ทีเอ็มซียืนยันการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี "ที่เป็นพลเรือน" แต่ยังสงวนท่าทีในตำแหน่งประธานาธิบดี และจะอนุญาตให้มีการชุมนุม "อย่างสันติ" ต่อไป
ในอีกด้านหนึ่ง สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย ทรงรับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซาเย็ด อัล นาห์ยาน มกุฎราชกุมารแห่งอาบูดาบีและรองผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ( ยูเออี ) ซึ่งเสด็จเยือนกรุงริยาด เพื่อทรงหารือกันเกี่ยวกับ "สถานการณ์ในภูมิภาค" ท่ามกลางรายงานว่าซาอุดีอาระเบียและยูเออีสนับสนุนคณะรัฐประหารซซูดาน แต่ทั้งสองประเทศไม่เคยตอบรับหรือปฏิเสธ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการ์ว่าพร้อมถอนชื่อซูดานออกจากบัญชีดำ "รัฐสนับสนุนการก่อการร้าย" หากทีเอ็มซี "ดำเนินการตามหลักประชาธิปไตยด้วยความรวดเร็ว".
เครดิตภาพ : REUTERS