อินโดนีเซีย "เลือกตั้งวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุดในโลก"
ต่างประเทศ
Webmaster
2019-04-17 07:17:00
20
Webmaster
2019-04-17 07:17:00
20
-
สนับสนุนเนื่อหา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่าชาวอินโดนีเซียผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งซึ่งต้องอายุ 18 ปีขึ้นไปประมาณ 190 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งประเทศราว 260 ล้านคน ทยอยใช้สิทธิ์เลือกตั้งแห่งชาติซึ่งมีขึ้นในวันที่ 17 เม.ย. โดยการเปิดคูหาในพื้นที่แรกเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 05.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) จากจังหวัดปาปัวซึ่งอยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศ แล้วคูหาเลือกตั้งจะทยอยเปิดให้ประชาชนเข้าไปลงคะแนนเรียงไปจนสิ้นสุดที่เวลา 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ในฝั่งตะวันตกของประเทศ ซึ่งเวลาตรงกับในประเทศไทย
สำหรับการเลือกตั้งแห่งชาติของอินโดนีเซียครั้งนี้ได้รับการขนานนามให้เป็น "การเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่สุดภายในวันเดียว" เนื่องจากเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของกระเทศ ที่ประชาชนจะต้องใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาพร้อมกัน ซึ่งในส่วนของการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาแบ่งเป็น 560 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร และ 132 ที่นั่งในวุฒิสภา ข้อมูลจากคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของอินโดนีเซีย ( เคพียู ) ระบุว่า การลงคะแนนจะใช้บัตร 5 ใบ แบ่งเป็นบัตรเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีที่จะเป็นใบเดียวกัน ส่วนอีก 4 ใบที่เหลือเป็นบัตรลงคะแนนสำหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก และสมาชิกสภาท้องถิ่นในเขตของตัวเอง ที่รวมถึงนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล โดยในส่วนของสนามเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น บรรดาพรรคการเมืองส่งผู้สมัครรวมกันมากกว่า 245,000 คน แต่จะมีผู้ได้รับการเลือกตั้งประมาณ 20,000 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ หลังปิดหีบเลือกตั้ง อินโดนีเซียมีการนับคะแนนที่เรียกว่า “การนับคะแนนแบบเร็ว” คล้ายกับเอ็กซิตโพล ขณะที่ผลอย่างเป็นทางการในส่วนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีน่าจะมีความชัดเจนภายในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ซึ่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้มีผู้สมัครเพียง 2 คนเท่านั้นและยังเป็นคู่แข่งคู่เดิม คือประธานาธิบดีโจโค วิโดโด วัย 57 ปี ผู้นำคนปัจจุบัน สมัครในนามตัวแทนพรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซีย-การต่อสู้ ( พีดีไอ-พี ) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล และเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ และพล.ท. ปราโบโว ซูเบียนโต ตัวแทนจากพรรคขบวนการอินโดนีเซียยิ่งใหญ่ ( เกอรินทรา ) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน
ด้านผลสำรวจความคิดเห็นชาวอินโดนีเซียโดยสำนักข่าวและสำนักโพลทุกแห่งเป็นไปในทางเดียวกัน ว่าวิโดโดหรือที่ชาวอินโดนีเซียเรียกกันว่า "โจโควี" ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2557 จะยังคงรักษาตำแหน่งไว้ได้เป็นสมัยที่ 2 อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครในตำแหน่งใดเชื่อว่ามีการทุจริตหรือความไม่ชอบมาพากลในการนับคะแนน สามารถยื่นเรื่องพร้อมหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 72 ชั่วโมงหลังเคพียูประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการ และคณะตุลาการทั้ง 9 คนจะมีคำพิพากษาภายใน 14 วัน ซึ่งไม่สามารถอุทธรณ์ได้อีก.
เครดิตภาพ : AP,AFP
สำหรับการเลือกตั้งแห่งชาติของอินโดนีเซียครั้งนี้ได้รับการขนานนามให้เป็น "การเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่สุดภายในวันเดียว" เนื่องจากเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของกระเทศ ที่ประชาชนจะต้องใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาพร้อมกัน ซึ่งในส่วนของการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาแบ่งเป็น 560 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร และ 132 ที่นั่งในวุฒิสภา ข้อมูลจากคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของอินโดนีเซีย ( เคพียู ) ระบุว่า การลงคะแนนจะใช้บัตร 5 ใบ แบ่งเป็นบัตรเลือกตั้งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีที่จะเป็นใบเดียวกัน ส่วนอีก 4 ใบที่เหลือเป็นบัตรลงคะแนนสำหรับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก และสมาชิกสภาท้องถิ่นในเขตของตัวเอง ที่รวมถึงนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล โดยในส่วนของสนามเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น บรรดาพรรคการเมืองส่งผู้สมัครรวมกันมากกว่า 245,000 คน แต่จะมีผู้ได้รับการเลือกตั้งประมาณ 20,000 คนเท่านั้น
ทั้งนี้ หลังปิดหีบเลือกตั้ง อินโดนีเซียมีการนับคะแนนที่เรียกว่า “การนับคะแนนแบบเร็ว” คล้ายกับเอ็กซิตโพล ขณะที่ผลอย่างเป็นทางการในส่วนของการเลือกตั้งประธานาธิบดีน่าจะมีความชัดเจนภายในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ซึ่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้มีผู้สมัครเพียง 2 คนเท่านั้นและยังเป็นคู่แข่งคู่เดิม คือประธานาธิบดีโจโค วิโดโด วัย 57 ปี ผู้นำคนปัจจุบัน สมัครในนามตัวแทนพรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซีย-การต่อสู้ ( พีดีไอ-พี ) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล และเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ และพล.ท. ปราโบโว ซูเบียนโต ตัวแทนจากพรรคขบวนการอินโดนีเซียยิ่งใหญ่ ( เกอรินทรา ) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ด้านผลสำรวจความคิดเห็นชาวอินโดนีเซียโดยสำนักข่าวและสำนักโพลทุกแห่งเป็นไปในทางเดียวกัน ว่าวิโดโดหรือที่ชาวอินโดนีเซียเรียกกันว่า "โจโควี" ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2557 จะยังคงรักษาตำแหน่งไว้ได้เป็นสมัยที่ 2 อย่างไรก็ตาม หากผู้สมัครในตำแหน่งใดเชื่อว่ามีการทุจริตหรือความไม่ชอบมาพากลในการนับคะแนน สามารถยื่นเรื่องพร้อมหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 72 ชั่วโมงหลังเคพียูประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการ และคณะตุลาการทั้ง 9 คนจะมีคำพิพากษาภายใน 14 วัน ซึ่งไม่สามารถอุทธรณ์ได้อีก.
เครดิตภาพ : AP,AFP
