ผู้นำโสมแดงให้เวลาสหรัฐถึงสิ้นปีนี้ "เปลี่ยนพฤติกรรม"
ต่างประเทศ
Webmaster
2019-04-13 07:26:00
6
Webmaster
2019-04-13 07:26:00
6
-
สนับสนุนเนื่อหา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ว่านายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ กล่าวในช่วงหนึ่งของการประชุมสมัชชาประชาชนสูงสุดแห่งชาติ เมื่อวันศุกร์ ว่า “ความล้เหลว” ที่เกิดขึ้นในการประชุมร่วมกับสหรัฐที่กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม เมื่อปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา เพิ่มความเสี่ยงมี่ทั้งสองประเทศจะ “กลับไปสู่จุดเดิม” และเกาหลีเหนือไม่ประสงค์พบหารือกับอีกฝ่ายอีก หากมีแนวโน้มว่าผลการหารือจะซ้ำรอบฮานอยซัมมิต ซึ่งเป็นการพบหารือครั้งที่ 2 ระหว่างผู้นำหนุ่มของเกาหลีเหนือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่อจากการประชุมที่สิงคโปร์ เมื่อเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายคิมกล่าวว่าเขาจะให้เวลารัฐบาลวอชิงตัน “ถึงสิ้นปีนี้” ในการปรับเปลี่ยนจุดยืนและการตัดสินใจ ที่นายคิมอธิบายแบบมีนัยว่า “คือการคำนวณแบบใหม่” แต่นายคิมยืนยันว่า “ความสัมพันธ์ส่วนตัว” ระหว่างเขากับผู้นำสหรัฐนั้น “ยังเป็นไปด้วยดี” โดยท่าทีดังกล่าวของผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือเกิดขึ้น 1 วันหลังการพบหารือที่ทำเนียบขาวระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้ ซึ่งผู้นำสหรัฐยืนยันว่ารัฐบาลวอชิงตันยังคงหวังให่เกิดการประชุมครั้งที่ 3 กับเกาหลีเหนือ แต่จะยังคงมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลเปียงยางต่อไป เพื่อเป็นการการันตีว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในกรอบของการปลดอาวุธนิวเคลียร์ แม้มีเสียงวิจารณ์มากขึ้นจากแกนนำในสภาคองเกรส ว่าดูเหมือนข้อเสนอหรือ “การโน้มน้าว” ของทรัมป์ในเรื่อง “การหว่านเงิน” เพื่อสร้าง “ความรุ่งโรจน์” ให้แก่เกาหลีเหนือทั้งในทางเศรษฐกิจและมีการอ้างว่าจะช่วยเพิ่มบทบาทของรัฐบาลเปียงยางบนเวทีโลกด้วยนั้นดูท่าจะไม่ได้ผล.
เครดิตภาพ : AFP
อย่างไรก็ตาม นายคิมกล่าวว่าเขาจะให้เวลารัฐบาลวอชิงตัน “ถึงสิ้นปีนี้” ในการปรับเปลี่ยนจุดยืนและการตัดสินใจ ที่นายคิมอธิบายแบบมีนัยว่า “คือการคำนวณแบบใหม่” แต่นายคิมยืนยันว่า “ความสัมพันธ์ส่วนตัว” ระหว่างเขากับผู้นำสหรัฐนั้น “ยังเป็นไปด้วยดี” โดยท่าทีดังกล่าวของผู้นำสูงสุดแห่งเกาหลีเหนือเกิดขึ้น 1 วันหลังการพบหารือที่ทำเนียบขาวระหว่างทรัมป์กับประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้ ซึ่งผู้นำสหรัฐยืนยันว่ารัฐบาลวอชิงตันยังคงหวังให่เกิดการประชุมครั้งที่ 3 กับเกาหลีเหนือ แต่จะยังคงมาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลเปียงยางต่อไป เพื่อเป็นการการันตีว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในกรอบของการปลดอาวุธนิวเคลียร์ แม้มีเสียงวิจารณ์มากขึ้นจากแกนนำในสภาคองเกรส ว่าดูเหมือนข้อเสนอหรือ “การโน้มน้าว” ของทรัมป์ในเรื่อง “การหว่านเงิน” เพื่อสร้าง “ความรุ่งโรจน์” ให้แก่เกาหลีเหนือทั้งในทางเศรษฐกิจและมีการอ้างว่าจะช่วยเพิ่มบทบาทของรัฐบาลเปียงยางบนเวทีโลกด้วยนั้นดูท่าจะไม่ได้ผล.
เครดิตภาพ : AFP
