ซูดานเปลี่ยนตัว "หัวหน้าคณะรัฐประหาร"
ต่างประเทศ
Webmaster
2019-04-13 07:00:00
18
Webmaster
2019-04-13 07:00:00
18
-
สนับสนุนเนื่อหา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ว่าพล.ท. อาวาด อิบนูฟ รมว.กระทรวงกลาโหมของซูดาน ประกาศเมื่อวันศุกร์ ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะมนตรีด้านการถ่ายโอนอำนาจของกองทัพ โดยแต่งตั้งพล.ท.อับเดล ฟัตตาห์ อับเดลราห์มาน ให้ดำรงตำแหน่งแทน และพล.ท.คามาล อับเดลมารูฟ อัล-มาฮี พ้นจากตำแหน่งรองประธานคณะมนตรีด้านการถ่ายโอนอำนาจ
พล.ท.อับเดล ฟัตตาห์ อับเดลราห์มาน สาบานตนรับตำแหน่งประธานคณะมนตรีด้านการถ่ายโอนอำนาจของกองทัพซูดาน
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวภายในคณะมนตรีชุดนี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังการโค่นอำนาจอดีตประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาเชียร์ ลงจากอำนาจที่ครองมานานถึง 30 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2532 อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุมร่วมกับตัวแทนคณะทูตานุทูตจากกลุ่มประเทศในแอฟริกา กองทัพซูดานกล่าวว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่การรัฐประหาร” แต่เป็น “การที่ทหารเลือกยืนเคียงข้างประชาชน” แต่มองในอีกมุมหนึ่งสะท้อนความสับสนกันเองในการบริหารของ “คณะรัฐประหาร” ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะถ่ายโอนอำนาจคืนให้แก่ประชาชนภายในเวลา 2 ปี และข้อมูลบางกระแสบอกว่าพล.ท.อิบนูฟ “มีความสนิทสนม” กับบาเชียร์ ซึ่งขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหารเช่นกัน และยังมีหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ( ไอซีซี ) ติดตัวในคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ขณะที่สมาคมนักวิชาการซูดานออกแถลงการณ์ว่า การลาออกจากตำแหน่ง “หัวหน้าคณะรัฐประหาร” ของพล.ท.อิบนูฟ “คือชัยชนะของประชาชน” ซึ่งร่วมกันแสดงพลังนับตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันพฤหัสบดี ว่าต้องการให้กระบวนการถ่ายโอนอำนาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้น แต่มีรายงานว่าการที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิวของกองทัพแล้วออกมาชุมนุมกันที่หน้าอาคารกระทรวงกลาโหม ส่งผลให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย และมีรายงานผู้เสียชีวิต “จากกระสุนจริง” อย่างน้อย 16 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 20 คน โดยตัวเลขความสูญเสียนี้เป็นคนละส่วนกับการเสียชีวิตจากการประท้วงขับไล่บาเชียร์ ที่ยืดเยื้อตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 คน.
เครดิตภาพ : AFP
พล.ท.อับเดล ฟัตตาห์ อับเดลราห์มาน สาบานตนรับตำแหน่งประธานคณะมนตรีด้านการถ่ายโอนอำนาจของกองทัพซูดานความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวภายในคณะมนตรีชุดนี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังการโค่นอำนาจอดีตประธานาธิบดีโอมาร์ อัล-บาเชียร์ ลงจากอำนาจที่ครองมานานถึง 30 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2532 อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการประชุมร่วมกับตัวแทนคณะทูตานุทูตจากกลุ่มประเทศในแอฟริกา กองทัพซูดานกล่าวว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ไม่ใช่การรัฐประหาร” แต่เป็น “การที่ทหารเลือกยืนเคียงข้างประชาชน” แต่มองในอีกมุมหนึ่งสะท้อนความสับสนกันเองในการบริหารของ “คณะรัฐประหาร” ที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะถ่ายโอนอำนาจคืนให้แก่ประชาชนภายในเวลา 2 ปี และข้อมูลบางกระแสบอกว่าพล.ท.อิบนูฟ “มีความสนิทสนม” กับบาเชียร์ ซึ่งขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหารเช่นกัน และยังมีหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศ ( ไอซีซี ) ติดตัวในคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ขณะที่สมาคมนักวิชาการซูดานออกแถลงการณ์ว่า การลาออกจากตำแหน่ง “หัวหน้าคณะรัฐประหาร” ของพล.ท.อิบนูฟ “คือชัยชนะของประชาชน” ซึ่งร่วมกันแสดงพลังนับตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันพฤหัสบดี ว่าต้องการให้กระบวนการถ่ายโอนอำนาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้น แต่มีรายงานว่าการที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิวของกองทัพแล้วออกมาชุมนุมกันที่หน้าอาคารกระทรวงกลาโหม ส่งผลให้เกิดความชุลมุนวุ่นวาย และมีรายงานผู้เสียชีวิต “จากกระสุนจริง” อย่างน้อย 16 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 20 คน โดยตัวเลขความสูญเสียนี้เป็นคนละส่วนกับการเสียชีวิตจากการประท้วงขับไล่บาเชียร์ ที่ยืดเยื้อตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 คน.
เครดิตภาพ : AFP
