ข่าวผู้อพยพ1แสนคนพยายามข้ามแดนเม็กซิโก-สหรัฐเมื่อเดือนมี.ค. - kachon.com

ผู้อพยพ1แสนคนพยายามข้ามแดนเม็กซิโก-สหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ว่าสำนักงานศุลกากรและปกป้องพรมแดนของสหรัฐ ( ซีบีพี ) รายงานสถิติการควบคุมผู้อพยพลักลอบข้ามพรมแดนทางตอนใต้ของประเทศเมื่อเดือนมี.ค. อยู่ที่ 103,492 คน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นการเดินทางมาเป็นครอบครัว 57,271 ครอบครัว และมีผู้อพยพเด็กเดินทางลำพัง 9,348 คน  ทั้งนี้ สถิติดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 35% เมื่อเทียบกับข้อมูลการจับกุมผู้อพยพผิดกฎหมายตามสถิติของซีบีพีเมื่อเดือนก.พ. ซึ่งอยู่ที่ 76,535 คน โดยผู้อพยพส่วนใหญ่ยังคงมาจากกลุ่มประเทศ "สามเหลี่ยมเหนือ" ได้แก่ เอลซัลวาดอร์ กัวเตมาลา และฮอนดูรัส
 


 

รายงานดังกล่าวของซีบีพีได้รับการเผยแพร่ออกมาในเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาจะไม่รื้อฟื้นมาตรการ "พรากผู้อพยพเด็ก" ที่ไม่มีเอกสารการเดินทางออกจากผู้ปกครอง แต่กล่าวว่าสหรัฐ "ไม่ใช่ดิสนีย์แลนด์" และวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาว่า "ศาลไม่ยุติธรรม" กรณีศาลชั้นต้นเขต 9 ที่มีพื้นที่ครอบคลุมรวมถึงรัฐแคลิฟอร์เรียและรัฐแอริโซนา ซึ่งมีคำพิพากษายับยั้งนโยบายของเขาในการส่งกลับผู้อพยพผิดกฎหมายผ่านทางเม็กซิโก จนกว่ากระบวนการพิจารณาทางกฎหมายต่อผู้อพยพเหล่านั้นเป็นรายบุคคลจะเสร็จสิ้น ว่าเป็นคำพิพากษาที่ "ไม่เป็นธรรม" กับทั้งรัฐบาลกลางและชาวอเมริกัน เนื่องจากสถิติผู้อพยพพยายามลักลอบข้ามพรมแดนในตอนนี้พุ่งทะยานจนถึงจุดสูงที่สุดในรอบ 1 ทศวรรษแล้ว และทำเนียบขาวจะอุทธรณ์คำพิพากษา ที่จะมีผลในวันศุกร์ที่ 12 เม.ย. นี้.

ด้านแกนนำของทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสเรียกร้องผู้นำสหรัฐยุติมาตรการปรับโครงสร้างภายในกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ที่แท้จริงน่าจะเป็น "การกวาดล้าง" มากกว่า เพื่อไม่ให้ระบบของหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องพรมแดนโดยตรงต้องปั่นป่วนมากไปกว่านี้.

เครดิตภาพ : AP,REUTERS