ข่าวผู้นำเกาหลีเหนือนั่งรถไฟมาราธอนถึงเวียดนาม - kachon.com

ผู้นำเกาหลีเหนือนั่งรถไฟมาราธอนถึงเวียดนาม
ต่างประเทศ

photodune-2043745-college-student-s
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองด่งดาง ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 26 ก.พ. ว่าขบวนรถไฟพิเศษของนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือและคณะที่รวมถึงนายคิม ยอง-ชอล รองประธานคณะกรรมการกลางพรรคคนงานเกาหลี และน.ส. คิม โย-จอง น้องสาว จอดเทียบชานชาลาที่สถานในเมืองด่งดาง ของจังหวัดหลั่งเซินซึ่งตั้งอยู่เหนือสุดของเวียดนาม เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หลังใช้เวลาเดินทางมาราธอนนานถึง 2 วันครึ่ง เป็นระยะทางไกลถึง 4,000 กิโลเมตร







ทั้งนี้ ผู้นำเกาหลีเหนือได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ตัวแทนเยาวชนซึ่งมอบช่อดอกไม้ให้ และการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศขนาดย่อย ก่อนออกเดินทางต่อด้วยรถยนต์อีกเป็นระยะทาง 170 กิโลเมตรสู่กรุงฮานอย ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดขั้นสูงสุด โดยรัฐบาลเวียดนามปิดการจราจรบนถนนสายหลักจากจังหวัดหลั่งเซินสู่กรุงฮานอยตลอดทั้งวันที่ 26 ก.พ. นี้



ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางด้วยเครื่องบินโดยสารประจำตำแหน่งผู้นำสหรัฐ "แอร์ ฟอร์ซ วัน" มีกำหนดถึงกรุงฮานอยในช่วงค่ำของวันอังคาร โดยคณะผู้ติดตามของทรัมป์รวมถึงนายไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งเยือนกรุงเปียงยางบ่อยครั้งนับตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อเดือนเม.ย. ปีที่แล้ว


 
สำหรับการพบหารือระหว่างผู้นำสหรัฐกับผู้นำเกาหลีเหนือจะเกิดขึ้นที่กรุงฮานอย ระหว่างวันที่ 27 ถึง 28 ก.พ. นี้ นับเป็นการประชุมร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ต่อจากการประชุมครั้งแรกที่สิงคโปร์ ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิ.ย. ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่า "แทบไม่มีความคืบหน้า" เกิดขึ้นหลังสิงคโปร์ซัมมิต โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง "การปลดอาวุธนิวเคลียร์" ที่สหรัฐและเกาหลีเหนือต่างยังคงมีท่าทีคลุมเครือ ตลอดจนการที่รัฐบาลเปียงยางยืนกรานความประสงค์ในการให้รัฐบาลวอชิงตันผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร และการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือต้องไม่ใช่การดำเนินการ "เพียงฝ่ายเดียว" ส่วนทีมงานของทรัมป์ยังคงย้ำเรื่องการคว่ำบาตรจนกว่ากระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ "จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์" และประเด้นการลดจำนวนทหารอเมริกันในเกาหลีใต้จะไม่รวมอยู่ในหัวข้อของการประชุมครั้งนี้.

เครดิตภาพ : AFP,REUTERS